วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2562

สินเชื่อการค้าต่างประเทศ : Trade Finance

สินเชื่อการค้าต่างประเทศ : Trade Finance               


                   
1. คำอธิบายผลิตภัณฑ์
    สินเชื่อเพื่อการนำเข้า คือ สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนแก่ธุรกิจนำเข้าระยะสั้นไม่เกิน 180 วัน สำหรับซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพื่อนำไปผลิตหรือจำหน่าย และนำเงินที่ได้มาชำระคืนธนาคารในภายหลัง
    สินเชื่อเพื่อการส่งออก คือ สินเชื่อก่อนและหลังการส่งออกระยะสั้นไม่เกิน 180 วัน ภายใต้เงื่อนไขเทอมการค้าแบบเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit) สัญญาซื้อขาย (Contract) ใบสั่งซื้อสินค้า (Purchase Order) ใบรับของคลังสินค้าและใบประทวนสินค้า หรือใบรับจำนำสินค้า (Warehouse Receipt) และตามตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange)

2. ลักษณะของผลิตภัณฑ์
          - วงเงินสินเชื่อ : กำหนดวงเงินกู้ตามความจำเป็นของธุรกิจและความต้องการเงินทุนหมุนเวียน
          - ประเภทวงเงินสินเชื่อ : วงเงินเพื่อการนำเข้าสินค้า (LC+TR) และวงเงินเพื่อการส่งออกสินค้า (PC+Export)  และวงเงินป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Forward Contract)
          - วัตถุประสงค์เงินกู้ :
          เงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ด้านนำเข้า-ส่งออกสินค้าจากต่างประเทศ และไถ่ถอนวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอื่น (Refinance)
          - อัตราดอกเบี้ย :
·         ประเภทลูกค้า เกษตรกร ,บุคคล คิดอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี
·         ประเภทลูกค้า นิติบุคคล , วิสาหกิจชุมชน, กลุ่มเกษตรกร กลุ่มบุคคล องค์กร และสหกรณ์ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี    
·         อัตราดอกเบี้ยกรณีผิดนัดชำระหนี้  13% ต่อปี ของยอดสินเชื่อแต่ละฉบับที่ผิดนัดชำระหนี้
          หมายเหตุ : สำหรับกรณีที่อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับปัจจัยอ้างอิง เช่น อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้ แบบมีระยะเวลา (MLR) / อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ธนาคารจะแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยจะประกาศไว้ ณ สาขาที่ทำการธนาคาร และเว็บไซต์ของธนาคาร

3. ค่าธรรมเนียมสินเชื่อและบริการ
          ตามประกาศธนาคาร

4. เงื่อนไขการชำระคืน
    4.1 วงเงินกู้เพื่อการนำเข้าและส่งออก ชำระดอกเบี้ยทุกเดือน และชำระคืนเงินต้นเมื่อถึงวันครบกำหนดของสินเชื่อแต่ละฉบับ ระยะเวลาสินเชื่อแต่ละฉบับไม่เกิน 180 วัน หรือตามที่ธนาคารอนุมัติ
    4.2 เงินกู้ระยะยาว (ค่าลงทุน ,Refinance) ระยะเวลาวงเงินไม่เกิน 5 ปี ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทุกเดือน



5. ข้อกำหนดเกี่ยวกับหลักประกันและผู้ค้ำประกัน
    5.1 หลักประกันเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
    5.2 กรณีมีการค้ำประกันโดย บสย. การลดภาระค้ำประกันโดย บสย. หรือ ยกเลิกภาระค้ำประกัน ผู้กู้ต้องแจ้งมายังธนาคารล่วงหน้าก่อนครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมในปีถัดไป (ตามที่ธนาคารกำหนด)

6. กรณีชำระเงินกู้ก่อนครบกำหนด  - ไม่มี

7. ความเสี่ยงที่สำคัญของผลิตภัณฑ์
          อัตราดอกเบี้ยผลิตภัณฑ์อ้างอิงเป็นไปตามประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร ทำให้ดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงได้ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้กู้ต้องชำระยอดสูงขึ้น

8. การทำประกันวินาศภัยของผลิตภัณฑ์
          ตามเงื่อนไขของธนาคาร

9. ประโยชน์ที่จะได้รับ
    9.1 เพื่อให้ลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจด้านการนำเข้าและส่งออก เข้าถึงแหล่งเงินทุน
    9.2 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในการดำเนินธุรกรรมการค้าต่างประเทศ

10. สิ่งที่ควรทราบเพิ่มเติม
          กรณีมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในการติดต่อโปรดแจ้งให้ธนาคารทราบทันที เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลและ
          การนำส่งข้อมูลที่สำคัญเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยสามารถแจ้งผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขา

11. รายละเอียดเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์และช่องทางการติดต่อธนาคาร
          หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
     10.1  เว็บไซต์ของธนาคาร www.baac.or.th 
     10.2  BAAC Call Center โทร.0-2555-0555
     10.3  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขา
     10.4  Application ธ.ก.ส. (BAAC Application) 

************************************** 




วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2562

โครงการ สินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรสู่ความยั่งยืน

โครงการ สินเชื่อเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรสู่ความยั่งยืน



1. หลักการและเหตุผล      
การปรับโครงสร้างการผลิตหรือปรับเปลี่ยนการผลิตจากแบบดั้งเดิมหรือแบบเกษตรเชิงเดี่ยวไปสู่การผลิตรูปแบบใหม่ หรือพัฒนาระบบหรือยกระดับการผลิตที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร  นับว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรไทยอีกแนวทางหนึ่ง ธนาคารจึงเห็นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีการปรับโครงสร้างการผลิตหรือปรับเปลี่ยนการผลิตภาคเกษตร เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน มีการวางแผนการผลิตและการตลาดอย่างเป็นระบบ  รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อจัดการกระบวนการผลิตและลดความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ ตลอดจนมีการเลือกผลิตสินค้าเกษตร
ที่มีโอกาสทางการตลาด ร่วมกับการวางแผนและสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงตลาดและผู้บริโภคโดยตรง เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของราคาและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ให้กับภาคเกษตรให้มีความยั่งยืน บนฐาน
ของความรู้และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ 

2. คุณสมบัติของผู้กู้         
2.1 เป็นเกษตรกร ที่ขอกู้เงินตามข้อบังคับฉบับที่ 44
2.2 เป็นบุคคล หรือผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) หรือวิสาหกิจชุมชน หรือองค์กร 
2.3 เป็นกลุ่มเกษตรกร 
2.4 เป็นสหกรณ์ภาคการเกษตร

3. วัตถุประสงค์
การกู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนและหรือเพื่อเป็นค่าลงทุนในการปรับโครงสร้างการผลิตหรือปรับเปลี่ยนการผลิตจากแบบดั้งเดิมหรือแบบเกษตรเชิงเดี่ยวไปสู่การผลิตรูปแบบใหม่ หรือพัฒนาระบบหรือยกระดับการผลิตที่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและยั่งยืน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้แก่ผลผลิตการเกษตรหรือสินค้าเกษตร

4. วงเงินกู้ขั้นสูง  
ให้เป็นไปตามข้อบังคับของธนาคาร

5. อัตราดอกเบี้ย  
5.1 เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนตามข้อบังคับฉบับที่ 44 และบุคคลที่ขึ้นทะเบียนตามข้อบังคับฉบับที่ 45 ในปีที่ 1 - 3 คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MRR – 1 และตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR
5.2 ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และองค์กรที่ขึ้นทะเบียนตามข้อบังคับฉบับที่ 45 กลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนตามข้อบังคับฉบับที่ 23 และสหกรณ์การเกษตรที่ขึ้นทะเบียนตามข้อบังคับฉบับที่ 31 ในปีที่ 1 - 3 คิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MLR – 0.5 และตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR

6. ระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้  
6.1 กรณีเป็นการกู้เงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน ให้กำหนดชำระหนี้คืนเสร็จไม่เกิน 12 เดือนนับแต่วันกู้ เว้นแต่มีเหตุพิเศษให้ชำระคืนเสร็จไม่เกิน 18 เดือน
6.2 กรณีเป็นการกู้เงินเพื่อเป็นค่าลงทุน ให้กำหนดชำระหนี้คืนเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส หรือราย 6 เดือน หรือรายปี ตามความสามารถในการชำระหนี้และที่มาแห่งรายได้ของลูกค้า โดยให้ชำระหนี้คืนเสร็จไม่เกิน 15 ปีนับแต่วันกู้

7. หลักประกันเงินกู้          
7.1 ให้ใช้หลักประกันหนี้เงินกู้เป็นไปตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติปกติของธนาคาร เป็นลำดับแรก
7.2 กรณีมีเหตุอันควรผ่อนผัน ให้ผู้มีอำนาจอนุมัติเงินกู้มีอำนาจลดหย่อนหลักประกันได้  ดังนี้
     1) กรณีผู้กู้ใช้ที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันหนี้เงินกู้ ให้กู้ได้  ไม่เกินร้อยละ 100 ของวงเงินจดทะเบียนจำนอง
     2) กรณีผู้กู้ใช้หลักประกันประเภทบุคคลตั้งแต่ 2 คน  ขึ้นไป ค้ำประกันหนี้เงินกู้ เมื่อรวมกับวงเงินกู้ทุกสัญญาที่ใช้หลักประกันประเภทเดียวกันนี้แล้ว ให้กู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
     3) กรณีใช้หลักประกันตามข้อ 1) หรือ 2) แล้วไม่เพียงพอ และกรณีที่ธุรกิจนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขของการค้ำประกันกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สามารถใช้ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการได้และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ปกติของธนาคาร

8. เป้าหมายและระยะเวลาการดำเนินโครงการ 
8.1 วงเงินให้สินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท
8.2 ระยะเวลาให้เงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561  ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

******************************
ช่องทางการติดต่อ
ติดต่อธนาคาร :     เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 15.30 น.
ที่อยู่ :                    ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เลขที่ 2346 ถนนพหลโยธิน
                            แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ :               ธ.ก.ส. Call Center 0-2555-0555 บริการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน
                            ศูนย์บริการลูกค้า 1593 บริการ ในวันและเวลาทำการ

                            สำนักงานใหญ่ 0-2558-6555

โครงการสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง


โครงการสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

หลักการและเหตุผล
                รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาศักยภาพ กทบ. โดยได้อนุมัติงบประมาณและโครงการตามแนวทางประชารัฐตั้งแต่ปี 2559 - 2561 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ  โครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ  และโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืนโดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ  จากการดำเนินโครงการมาระยะหนึ่ง พบว่ามี กทบ. หลายแห่งต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมในการดำเนินกิจการ หรือต้องการขยายการลงทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ธนาคารจึงออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อภายใต้ โครงการสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพื่อสนับสนุนสินเชื่อต่อยอดเงินทุนที่ได้รับจากโครงการของรัฐบาล

เป้าหมายและระยะเวลาดำเนินโครงการ    
กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง

ระยะเวลาดำเนินการ

เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ระยะเวลา 4 ปี

พื้นที่ดำเนินโครงการ      
ทุกสาขาทั่วประเทศ

คุณสมบัติของผู้กู้ 
1. ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตาม พ.ร.บ. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
2. ดำเนินงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และงบการเงินปีบัญชีล่าสุดมีกำไรสุทธิ
3. ได้รับผลการประเมินศักยภาพจากธนาคารที่ระดับชั้นที่ 1 และต้องไม่มีหนี้ค้างชำระกับ ธ.ก.ส.
4. ต้องไม่มีหนี้กับสถาบันการเงินอื่นและไม่มีข้อบกพร่องที่เป็นสาระสำคัญในการดำเนินงาน ได้แก่
ปิดบัญชีล่าสุดไม่ได้ภายใน 150 วัน หรือมีเหตุทุจริตจากการดำเนินงาน
5. เป็น กทบ.ที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง  ดังนี้
     5.1 ต้องการเงินทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจที่ได้รับเงินอุดหนุนงบประมาณจากโครงการตามแนวทางประชารัฐ เพื่อสร้างธุรกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพหรือสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตร สร้างสวัสดิการ หรือยกระดับมาตรฐานการครองชีพ รวมทั้งอนุรักษ์วัฒนธรรมหรือพิธีกรรมในท้องถิ่น
5.2 ต้องการเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องและหมุนเวียนในการดำเนินงานเนื่องจากการชำระหนี้คืนธนาคารตามโครงการนโยบายของรัฐหรือนโยบายธนาคาร เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจเสียหาย
5.3 ได้รับผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมจากภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ส่งผลให้กิจการหรือธุรกิจ หรือทรัพย์สินของ กทบ. เสียหาย แต่มีลู่ทางในการประกอบธุรกิจ
5.4 ปัจจุบันกู้เงินธนาคารภายใต้ โครงการสนับสนุนสินเชื่อกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองภายใต้มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้านของรัฐบาล” (Market Code 1888) และสามารถชำระหนี้คืนได้ตามงวดชำระที่ธนาคารกำหนด
วัตถุประสงค์การกู้เงิน     
1. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
2. เพื่อเป็นเงินค่าลงทุนในการดำเนินกิจการ

วงเงินกู้ขั้นสูง     
ไม่เกินรายละ 25 ล้านบาท

ระยะเวลาชำระเงินกู้       
1. เงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ จัดทำหนังสือสัญญาเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี
2. เงินกู้เพื่อเป็นค่าลงทุน จัดทำหนังสือสัญญากู้เงินไม่เกิน 10 ปี

อัตราดอกเบี้ย   
MLR + อัตราดอกเบี้ยตามผลการประเมินศักยภาพ

หลักประกันเงินกู้
1. อสังหาริมทรัพย์และหรือสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ  ที่จำนองได้ตามกฎหมาย
2. สังหาริมทรัพย์จำนำได้ตามกฎหมายจำนำ
3. หลักทรัพย์รัฐบาลไทยหรือตราสารทางการเงินที่ออกโดยธนาคาร
4. ลูกค้าประจำสาขาหรือบุคคลอื่นทำหนังสือรับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม 
5. ลูกค้าประจำสาขาหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ค้ำประกันอย่างน้อยสองคน
6. กองทุนบำเหน็จตกทอด
7. ตราสารเครดิต
8. นิติบุคคลค้ำประกัน
9. สิทธิการเช่า
10. สิทธิการใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์
11. สิทธิเรียกร้อง
12. หลักประกันทางธุรกิจ

โครงการสินเชื่อ SME เกษตรต่อยอด

โครงการสินเชื่อ SME เกษตรต่อยอด



หลักการและเหตุผล
                เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการเกษตรได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและเป็นการเชื่อมโยงด้านการเงินให้ลูกค้าที่อยู่ห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม (Value Chain Financing) แบบครบวงจร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) สินค้าเกษตร รวมทั้งเป็นการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญเติบโตและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ธนาคารจึงจัดทำโครงการสินเชื่อ SME เกษตร หัวขบวนและ Project Based เพื่อขยายวงเงินสินเชื่อสำหรับลูกค้า SME เกษตรหัวขบวนรายเดิมวงเงินเกิน 20 ล้านบาท ในการต่อยอดขยายธุรกิจ ตอบสนองความต้องการของตลาด สร้างความยั่งยืนของธุรกิจ SME เกษตร และสร้าง SME เกษตรหัวขบวนรายใหม่ประจำปี 2562

เป้าหมายและระยะเวลาดำเนินโครงการ    
1. เกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ(นิติบุคคล) วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร ตามโครงการสินเชื่อ SME เกษตร
2. ลูกค้าในโครงการพัฒนาและยกระดับ SME เกษตรหัวขบวน และโครงการ Project Based

วงเงินสินเชื่อ  
รวม 20,000 ล้านบาท 

สิ้นสุดการจ่ายเงินกู้
ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564 

พื้นที่ดำเนินโครงการ         ทุกสาขาทั่วประเทศ

คุณสมบัติของผู้กู้               
1. บุคคล/เกษตรกร
  1.1 สัญชาติไทย
  1.2 ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ประกอบกิจการภาคการเกษตร ไม่น้อยกว่า 3 ปี
2. ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล)
  2.1 สัญชาติไทย
  2.2 กรณี ผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) ที่มีการจดแจ้งบัญชีชุดเดียว ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ประกอบกิจการภาคการเกษตรไม่น้อยกว่า 1 ปี และจดทะเบียนก่อตั้งเป็นนิติบุคคล ไม่น้อยกว่า 1 ปี ผลประกอบการมีกำไร โดยใช้งบการเงินที่ยื่นสรรพากรในการยื่นขอสินเชื่อ
 2.3 กรณีผู้ประกอบการ (นิติบุคคล) ที่ไม่มีการจดแจ้งบัญชีชุดเดียว ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ประกอบกิจการภาคการเกษตรไม่น้อยกว่า 3 ปี และจดทะเบียนก่อตั้งเป็นนิติบุคคล ไม่น้อยกว่า 1 ปี ผลประกอบการมีกำไร
1.3 สหกรณ์ภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร ต้องดำเนินธุรกิจเป็นผู้ประกอบกิจการภาคการเกษตร ไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีตลาดแน่นอน
2. เป็นผู้ประกอบการเกษตร ที่ดาเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการรวบรวม การแปรรูป การตลาด และการบริการ ตลอดห่วงโซ่มูลค่าสินค้าเกษตร และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตร
3. ไม่มีประวัติค้างชำระเกิน 30 วัน ใน 12 เดือนที่ผ่านมา

วัตถุประสงค์การกู้เงิน     
1. เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
2. เพื่อเป็นเงินค่าลงทุนในการดำเนินกิจการ
3. เพื่อ Refinance หนี้เงินกู้ ของธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น

วงเงินกู้ขั้นสูง     
ขั้นต่ำ 200,000 บาท สูงสุดตามข้อบังคับของธนาคาร

ระยะเวลาชำระเงินกู้       
1. เงินกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ จัดทำหนังสือสัญญาเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี
2. ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : P/N) กำหนดอายุสัญญากู้เงินระยะสั้น 

ประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี
1. สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี(Overdraft : O/D) เป็นแบบไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด โดยกำหนดอายุวงเงินกู้ให้เป็นคราวละไม่เกิน 12 ปี
2. เงินกู้เพื่อเป็นค่าลงทุน กำหนดให้ชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน 10 ปี

อัตราดอกเบี้ย   
MLR ,MOR

หลักประกันเงินกู้
1. อสังหาริมทรัพย์และหรือสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ  ที่จำนองได้ตามกฎหมาย
2. สังหาริมทรัพย์จำนำได้ตามกฎหมายจำนำ
3. หลักทรัพย์รัฐบาลไทยหรือตราสารทางการเงินที่ออกโดยธนาคาร
4. ลูกค้าประจำสาขาหรือบุคคลอื่นทำหนังสือรับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม 
5. ลูกค้าประจำสาขาหรือบุคคลอื่นเป็นผู้ค้ำประกันอย่างน้อยสองคน
6. กองทุนบำเหน็จตกทอด
7. ตราสารเครดิต
8. นิติบุคคลค้ำประกัน
9. สิทธิการเช่า
10. สิทธิการใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์
11. สิทธิเรียกร้อง
12. หลักประกันทางธุรกิจ

กรณีมีเหตุอันควรผ่อนผัน ให้สามารถลดหย่อนหลักประกันได้ ดังนี้
1. กรณีใช้ที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนองเป็นประกันหนี้ เมื่อรวมกับวงเงินกู้ทุกสัญญาที่ใช้หลักประกันประเภทเดียวกันนี้แล้ว ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 100 ของราคาประเมินหรือวงเงินจดทะเบียนจำนอง
2. กรณีใช้บุคคล 2 คนขึ้นไป ค้ำประกันหนี้เงินกู้ เมื่อรวมกับวงเงินกู้ทุกสัญญาที่ใช้หลักประกันประเภทเดียวกันนี้แล้ว ให้กู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
3. กรณีใช้บุคคลรับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน เมื่อรวมกับวงเงินกู้ทุกสัญญาที่ใช้หลักประกันประเภทเดียวกันนี้แล้ว ให้กู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท  
3. กรณีที่ใช้หลักประกันตามข้อ 10.1 และ 10.2 แล้วไม่เพียงพอ ให้สามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อตามโครงการ

**************************
 ช่องทางการติดต่อ

ติดต่อธนาคาร :     เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 15.30 น.
ที่อยู่ :                    ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เลขที่ 2346 ถนนพหลโยธิน
                            แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ :               ธ.ก.ส. Call Center 0-2555-0555 บริการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน
                            ศูนย์บริการลูกค้า 1593 บริการ ในวันและเวลาทำการ
                            สำนักงานใหญ่ 0-2558-6555

โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ (วงเงิน 10,000 ล้านบาท)

โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ (วงเงิน 10,000 ล้านบาท)



1. รายละเอียดผลิตภัณฑ์ 
                สนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพาราภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท
                1) เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับสถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ภาคการเกษตร กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน)  เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยาง
                2)  เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการเชื่อมโยงธุรกิจ  ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ในกระบวนการสหกรณ์

2. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
                1) สหกรณ์ภาคการเกษตร
                2) กลุ่มเกษตรกร                3) วิสาหกิจชุมชน

3. คุณสมบัติผู้กู้
                1) เป็นสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพ มีผลประกอบการดี ไม่มีข้อบกพร่องในการดำเนินงานที่เป็นสาระสำคัญ
                2) ปัจจุบันยังดำเนินธุรกิจรวบรวม หรือแปรรูปยางอย่างต่อเนื่อง
                3) มีทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินงาน ตลอดจนมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานอย่างเพียงพอ เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น มีอาคารสถานที่สำหรับเก็บรักษาผลิตผลการเกษตรที่เหมาะสม มั่นคง แข็งแรง
                4) คณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการและเจ้าหน้าที่ของสถาบันเกษตรกรให้ความร่วมมือกับ ธ.ก.ส. ด้วยดีเสมอมา
                5) สถาบันเกษตรกรต้องไม่มีหนี้เงินกู้ค้างชำระกับ ธ.ก.ส.

4. จุดเด่นผลิตภัณฑ์และบริการ  เป็นสินเชื่อตามโครงการนโยบายรัฐบาล มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

5. ระยะเวลาดำเนินโครงการ
                1) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้  1 เม.ย.60  ถึง 31 ธ.ค.62
                2) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ ชำระเสร็จสิ้นคราวละไม่เกิน 12 เดือน ไม่เกิน 31 มี.ค.63

6. การแจ้งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการ หรือการแจ้งเตือนที่สำคัญต่าง 
                1) ให้สถาบันเกษตรกรจัดทำประกันวินาศภัยตามแบบและวิธีการที่ธนาคารกำหนดโดยรัฐบาลชดเชยค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่เกินร้อยละ 0.36 ของวงเงินสินเชื่อรวม                2) เมื่อสิ้นสุดโครงการ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2563 หากผู้ขอกู้ไม่สามารถชำระคืนต้นเงินทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ธ.ก.ส. จะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MLR บวกชั้นความเสี่ยงของลูกค้าและบวกเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 3 จนกว่าจะชาระเสร็จ แต่เมื่อดอกเบี้ยรวมกันแล้วจะต้องไม่เกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด

7. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้  อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเท่ากับ MLR – 1 (ปัจจุบัน MLR = 5%)         
                
สถาบันเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี
                
- รัฐบาลชดเชยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี


**********************

ช่องทางการติดต่อ
ติดต่อธนาคาร :     เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 15.30 น.
ที่อยู่ :                    ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เลขที่ 2346 ถนนพหลโยธิน
                            แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์ :               ธ.ก.ส. Call Center 0-2555-0555 บริการ 24 ชั่วโมง ทุกวัน
                            ศูนย์บริการลูกค้า 1593 บริการ ในวันและเวลาทำการ
                            สำนักงานใหญ่ 0-2558-6555

สินเชื่อการค้าต่างประเทศ : Trade Finance

สินเชื่อการค้าต่างประเทศ : Trade Finance                                       1. คำอธิบายผลิตภัณฑ์     สินเชื่อเพื่อการนำเข้า...