โครงการสนับสนุนการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกร (ดย.-1530)
1. รายละเอียดผลิตภัณฑ์ (Market Code 1530)
สนับสนุนสินเชื่อแก่สหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อขยายปริมาณธุรกิจหรือเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกร่วมถึงการขยายฐานลูกค้าสถาบันเกษตรกรที่ใช้แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินอื่นหรือรับฝากเงินหรือกู้ยืมเงินจากสหกรณ์อื่นให้กลับมาใช้สินเชื่อจากธนาคารอย่างต่อเนื่องวงเงินสินเชื่อตามโครงการ จำนวน 50,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) โครงการสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าสถาบันเกษตรกรที่ใช้แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินอื่นหรือสหกรณ์ ให้กลับมาใช้บริการสินเชื่อจากธนาคาร วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้เฉพาะลูกค้ารายเดิม
2) โครงการสนับสนุนการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพ การทำธุรกิจเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกสถาบันเกษตรกร ) วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท
1) โครงการสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าสถาบันเกษตรกรที่ใช้แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินอื่นหรือสหกรณ์ ให้กลับมาใช้บริการสินเชื่อจากธนาคาร วงเงิน 10,000 ล้านบาท ให้เฉพาะลูกค้ารายเดิม
2) โครงการสนับสนุนการขยายธุรกิจและเพิ่มศักยภาพ การทำธุรกิจเพิ่มมูลค่าให้กับสมาชิกสถาบันเกษตรกร ) วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท
2. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- สหกรณ์ภาคการเกษตร
3. คุณสมบัติผู้กู้
1) เป็นสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่จดทะเบียนตาม พรบ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542
2) จัดทำบัญชีถูกต้องเป็นปัจจุบัน ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายหรือกฎระเบียบกำหนด
3) มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีสินทรัพย์สินเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานเพียงพอและเหมาะสมกับธุรกิจ
4) ต้องไม่มีหนี้เงินกู้ค้างชำระหรือหนี้ NPLs กับธนาคาร
5) ไม่เคยถูกฟ้องร้องและมีคำพิพากษาเป็นฝ่ายผิดเกี่ยวกับเงิน ถูกอายัดทรัพย์ ถูกสั่งเลิกสหกรณ์ หรือถูกศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
6) ไม่มีข้อบกพร่องที่เป็นสาระสำคัญ ดังนี้
6.1) ปิดบัญชีไม่ได้ภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นสุดปีบัญชี โดยเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันเกษตรกร
6.2) ทุจริต และถูกธนาคารระงับการจ่ายเงินกู้
6.3) เจ้าหนี้มากกว่าลูกหนี้เงินกู้
6.4) ขาดทุนสะสมติดต่อกันเกิน 3 ปี
6.5) ขาดทุนเกินกึ่งหนึ่งของทุนเรือนหุ้น
กรณีมีปัญหาการดำเนินงาน ตามข้อ 6.4), 6.5) โดยมีสาเหตุจากเหตุสุจริตและจำเป็น เช่น ประสบภัยธรรมชาติ หรือภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ประสบปัญหาการผลิต การตลาด ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สถาบันเกษตรกรต้องจัดแผนการแก้ไขและป้องกัน ปัญหาการดำเนินงานดังกล่าวและมีแผนธุรกิจชัดเจนเสนอให้ผู้อนุมัติเงินกู้พิจารณาเป็นรายๆ ไป
7) กรณีสหกรณ์ภาคการเกษตรที่ขอกู้เงิน เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ ธนาคารให้การสนับสนุนเฉพาะสถาบันเกษตรกรที่ไปใช้แหล่งเงินจากสถาบันการเงินอื่นหรือสหกรณ์ และให้เฉพาะลูกค้ารายเดิมเท่านั้น
2) จัดทำบัญชีถูกต้องเป็นปัจจุบัน ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายหรือกฎระเบียบกำหนด
3) มีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีสินทรัพย์สินเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานเพียงพอและเหมาะสมกับธุรกิจ
4) ต้องไม่มีหนี้เงินกู้ค้างชำระหรือหนี้ NPLs กับธนาคาร
5) ไม่เคยถูกฟ้องร้องและมีคำพิพากษาเป็นฝ่ายผิดเกี่ยวกับเงิน ถูกอายัดทรัพย์ ถูกสั่งเลิกสหกรณ์ หรือถูกศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ
6) ไม่มีข้อบกพร่องที่เป็นสาระสำคัญ ดังนี้
6.1) ปิดบัญชีไม่ได้ภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นสุดปีบัญชี โดยเกิดจากข้อบกพร่องของสถาบันเกษตรกร
6.2) ทุจริต และถูกธนาคารระงับการจ่ายเงินกู้
6.3) เจ้าหนี้มากกว่าลูกหนี้เงินกู้
6.4) ขาดทุนสะสมติดต่อกันเกิน 3 ปี
6.5) ขาดทุนเกินกึ่งหนึ่งของทุนเรือนหุ้น
กรณีมีปัญหาการดำเนินงาน ตามข้อ 6.4), 6.5) โดยมีสาเหตุจากเหตุสุจริตและจำเป็น เช่น ประสบภัยธรรมชาติ หรือภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ประสบปัญหาการผลิต การตลาด ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สถาบันเกษตรกรต้องจัดแผนการแก้ไขและป้องกัน ปัญหาการดำเนินงานดังกล่าวและมีแผนธุรกิจชัดเจนเสนอให้ผู้อนุมัติเงินกู้พิจารณาเป็นรายๆ ไป
7) กรณีสหกรณ์ภาคการเกษตรที่ขอกู้เงิน เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ ธนาคารให้การสนับสนุนเฉพาะสถาบันเกษตรกรที่ไปใช้แหล่งเงินจากสถาบันการเงินอื่นหรือสหกรณ์ และให้เฉพาะลูกค้ารายเดิมเท่านั้น
4. จุดเด่นผลิตภัณฑ์และบริการ
1) ช่วยเหลือและสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรในการดำเนินธุรกิจ
2) สนับสนุนและส่งเสริมการเชื่อมโยงธุรกิจ SMAEs เกษตร
3) ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกร
4) จูงใจลูกค้าเดิมที่ใช้แหล่งเงินทุนอื่นกลับมาใช้บริการของธนาคาร
5. ระยะเวลาดำเนินโครงการ
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 25656. การแจ้งเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการ หรือการแจ้งเตือนที่สำคัญต่าง ๆ
1) ให้สถาบันเกษตรกรผู้กู้เสนอแผนธุรกิจในการดำเนินการขยายธุรกิจ แผนการเบิกรับเงินกู้และส่งชำระหนี้คืน พร้อมเอกสารประกอบคำขอกู้เงินตามที่โครงการกำหนด ห้ามไม่ให้สถาบันเกษตรกรเบิกเงินกู้ตามโครงการนี้ และไปชำระหนี้เงินกู้ ธ.ก.ส ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า 2) กรณีสถาบันเกษตรกรที่ขอกู้เงินเพื่อเป็นทุนสำหรับให้สมาชิกกู้เงิน วงเงินสนับสนุนสินเชื่อไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ให้การสนับสนุนเฉพาะสหกรณ์การเกษตรลูกค้าที่ไปใช้แหล่งเงินจากสถาบันการเงินอื่นหรือสหกรณ์เท่านั้น โดยจะต้องมีเอกสารหลักฐานในการประกอบการพิจารณาเงินกู้ทุกครั้ง และให้เฉพาะลูกค้ารายเดิมเท่านั้น
3) สาขาต้องจัดการประเมินปัจจัยความเสี่ยงตามวิธีปฏิบัติปกติธนาคาร ให้กับผู้กู้ทุกรายแล้วนำผลคะแนนที่ได้ไปเปรียบเทียบกับตารางกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเพื่อใช้กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้
4) ให้สาขาพึงระมัดระวัง ติดตามให้สถาบันเกษตรกรนำเงินกู้ไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และแผนธุรกิจที่เสนอต่อธนาคาร
โดยขอให้สาขาสอบทานข้อมูลการดำเนินธุรกิจ ฐานะความมั่นคงทางการเงินและรายงานของผู้ตรวจสอบกิจการ หรือผู้สอบบัญชีสหกรณ์
เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้กู้และติดตามกำกับหลังการให้กู้
5) การให้กู้วัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนอื่น ก่อนเบิกรับเงินกู้ให้สถาบันเกษตรกรจัดให้มีหลักประกันเงินกู้ตามที่
ธนาคารกำหนด ทั้งนี้หลักประกันที่สถาบันเกษตรกรใช้ค้ำประกันเงินกู้ยืมหรือการรับฝากเงินกับแหล่งเงินทุนอื่น ให้สาขาติดตามกำกับ
สถาบันเกษตรกรให้เพิ่มเติมหลักประกันในวันเบิกรับเงินกู้หรือในโอกาสแรกที่สามารถดำเนินการได้
6) ในส่วนอื่นที่มิได้กำหนดไว้ ให้ปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงานสินเชื่อด้านสถาบันเกษตรกรปกติของธนาคาร และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
3) สาขาต้องจัดการประเมินปัจจัยความเสี่ยงตามวิธีปฏิบัติปกติธนาคาร ให้กับผู้กู้ทุกรายแล้วนำผลคะแนนที่ได้ไปเปรียบเทียบกับตารางกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการเพื่อใช้กำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กับผู้กู้
4) ให้สาขาพึงระมัดระวัง ติดตามให้สถาบันเกษตรกรนำเงินกู้ไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และแผนธุรกิจที่เสนอต่อธนาคาร
โดยขอให้สาขาสอบทานข้อมูลการดำเนินธุรกิจ ฐานะความมั่นคงทางการเงินและรายงานของผู้ตรวจสอบกิจการ หรือผู้สอบบัญชีสหกรณ์
เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้กู้และติดตามกำกับหลังการให้กู้
5) การให้กู้วัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนอื่น ก่อนเบิกรับเงินกู้ให้สถาบันเกษตรกรจัดให้มีหลักประกันเงินกู้ตามที่
ธนาคารกำหนด ทั้งนี้หลักประกันที่สถาบันเกษตรกรใช้ค้ำประกันเงินกู้ยืมหรือการรับฝากเงินกับแหล่งเงินทุนอื่น ให้สาขาติดตามกำกับ
สถาบันเกษตรกรให้เพิ่มเติมหลักประกันในวันเบิกรับเงินกู้หรือในโอกาสแรกที่สามารถดำเนินการได้
6) ในส่วนอื่นที่มิได้กำหนดไว้ ให้ปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงานสินเชื่อด้านสถาบันเกษตรกรปกติของธนาคาร และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
7. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้
กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ต่ำกว่า MLR – 1 ต่อปี (ปัจจุบัน MLR = ร้อยละ 5 ต่อปี) โดยสถาบันเกษตรกรจะต้องผ่านการประเมินประเมินปัจจัยความเสี่ยงเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยก่อนและถือใช้อัตราดอกเบี้ยตามโครงการ ดังนี้
****************************************



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น